หลังม่านการเมือง พ.1
"เมื่อพูดถึงฮาร์ดแวร์คือเวที ฉาก วงดนตรี และซอฟต์แวร์คือนักแสดงนำแล้วมาถึงเล่มสุดท้ายนี้ ผู้ใหญ่ที่อ่านตันฉบับอุทานว่า นี่มันเบื้องหลังการถ่ายทำนี่หว่า!
"เมื่อพูดถึงฮาร์ดแวร์คือเวที ฉาก วงดนตรี และซอฟต์แวร์คือนักแสดงนำแล้วมาถึงเล่มสุดท้ายนี้ ผู้ใหญ่ที่อ่านตันฉบับอุทานว่า นี่มันเบื้องหลังการถ่ายทำนี่หว่า!
"ถ้าเมืองไทยมีผู้นำที่ใจกว้าง กล้าได้กล้าเสีย อย่างนายกฯ ชาติชาย คิดอะไรได้กว้างไกล ทำงานฉับไว อย่างนายกฯ ทักษิณ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตน อย่างนายกฯ ชวน ทำงานจริงจัง เกาะติดปัญหาชนิดแก้ไม่ได้ไม่ปล่อย อย่างนายกฯ บรรหาร ประนีประนอม ไม่ก้าวร้าว อย่างนายกฯ ชวลิต และ นายกฯ สุจินดา มีความเป็นสากลและสง่าในแทบทุกด้าน อย่างนายกฯ อานันท์ ฉลาดพูด อยู่ในวัยเหมาะแก่การทำงาน อย่างนายกฯ อภิสิทธิ์ ครองตนดี มีความจงรักภักดี เข้าใจวัฒนธรรมคนไทย อย่างนายกฯ เปรม และได้คุณสมบัติทั้งหมดนี้รวมกัน ประเทศไทยในมือผู้นำเช่นนี้ น่าจะเจริญวัฒนาสถาพรอย่างยากจะหาใดปาน"
ตำแหน่งแห่งหนใหญ่ๆ โตๆ นั้น เขาเปรียบเหมือนคนสวมหัวโขนหรือตัวละครบนเวที ถ้าเล่นสมบทบาทจนคนดู " อิน" ไปด้วยก็จะได้รับคำชม ดีไม่ดีได้ตุ๊กตาทองหรือสุพรรณหงส์ทองคำ ผมสวมหัวโขนหรือเล่นละครเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นเวลา ๙ ปี แต่ก่อนหน้านั้นสองปีเศษ เคยเล่นบทเป็นรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นยังได้เล่นบทเป็นรองนายกรับมนตรีอีกสมัยครึ่งเกือบสี่ปี รวมแล้วนั่งอยู่ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีเล่นบทต่างๆ กัน ๑๕ ปี ทำงานกับรัฐบาล ๑๐ ชุด นายกรัฐมนตรี ๗ คน
" หนังสือเล่มนี้มี 4 ภาค ภาคละประมาณ 15 บทย่อย มีรายละเอียดคร่าวๆ ได้แก่ ภาค 1 ชีวประวัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงชีวประวัตินับแต่มีพ่อเป็นทหาร ขณะที่ชีวิตของเขานั้นถือเป็นนักอ่านตัวยงคนหนึ่ง ส่วนคุณแม่เป็นคุณครูเช่นเดียวกับภรรยา ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นสู่การเป็นเตรียมทหารรุ่น 12 มีคอนเนคชั่นกับทหารรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันมากมาย โดยเฉพาะเป็นช่วงที่เขาก้าวสู่การเป็นนักเรียนนายร้อยในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นแรงผลักดันในการก่อตั้งทหารเสือราชินีขึ้นนับแต่ช่วงเวลานั้น ภาค 2 : การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงบทบาทการเป็นแม่ทัพ บทบาทของการเป็นรอง ผบ
นับแต่การผงาดขึ้นนั่งบัลลังก์ผู้นำประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามที่จะปลดแอกจากพี่ชายเพื่อเป็นตัวของตัวเองในระดับหนึ่ง เธอจึงต้องค่อยๆ ก้าวเดินในช่วง ๒ ปีแรก ท่ามกลางความหวาดระแวงระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับกองทัพหลังการสลายการชุมชุนใหญ่ในปี 2553 แต่กระนั้นสถานการณ์ในช่วงแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้หนุนเนื่องให้กองทัพและรัฐบาลร่วมงานกันได้ด้วยดี เนื่องจากกองทัพบก โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หันกลับมาสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประคับประคองเธอให้ปีกกล้าขาแข็ง อีกทั้งยังอยู่เบื้องหลังการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงอีกด้วย
"“คลื่นใต้น้ำ” ของการเมืองไทยนับแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เกิดขึ้นเป็นประจำในทุกรัฐบาล เชื่อมโยงกับคลื่นใต้น้ำใน “กองทัพ” ที่เผยตัวออกมาเป็นระยะ ล่าสุด หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของไทย คลื่นใต้น้ำครั้งรุนแรงของกองทัพก็จู่โจม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในทันทีหลังจากคลิปเสียงสนทนาระหว่างตัวเขากับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า โดยเนื้อหาของคลิป ปรากฏการคลื่นไหวของ “ทักษิณ” ที่ต้องการเข้าถึงฝ่ายอำมาตย์ให้มากที่สุด แลกกับการที่เขาจะได้กลับบ้านและไม่เล่นการเมือง
หลังจากเกิดเหตุการณ์ “มิคสัญญี” ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยฝีมือของ “คนเสื้อแดง” ซึ่งสุดท้ายก็จบลงที่การสลายการชุมนุม ความจริงทั้งหลายเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ “ความจริง” จากหนังสือ “ลับ ลวง เลือด” ของ วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารที่แม้แต่ “นายพล” ต้องยำเกรง ก็ยังได้ “ตีแผ่” ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ไว้อย่างละเอียดยิ่งนัก เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ เต็มไปด้วยข้อมูลที่ผู้คนทั้งหลายนึกไม่ถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “การเมือง” ระหว่างเสื้อแดงและกองกำลังทหารด้วยกันเอง “กองทัพปีศาจ” ที่จัดตั้งกันในแต่ละฝ่ายและห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด สัญญาณพิเศษจา
หลังปฎิบัติการ "ลับ ลวง พราง " ปฏิวัติ 19 กันยายน ความแตกแยกในหมู่คนไทยลุกลามทั้งลึกและกว้างเลือกข้าง เลือกขั้ว หันเข้าเผชิญหน้ากัน "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ยังโดดเด่นในบทนำฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มนำเจ้าพระยา" ยังคงความหวาดเกรงแก่ผู้คิดยืนตรงกันข้ามขณะเดียวกันกลับเป็นเป้าหมายที่อีกฝ่ายมุ่งทำลายชัยชนะจะเป็นของใคร ศึกนี้ใหญ่หลวงและลึกซึ่งดูเหมือนว่า "สงครามครั้งสุดท้าย" มาถึงแล้ว !
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า...ตราบจนวันนี้.."กองทัพ" ยังคงแฝงตัวอยู่ในการเมืองไทยอย่างชัดเจน หนังสือเล่มนี้จึงได้สะท้อนเบื่งหลังของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซ้ำทหารบางนายยังวางแผนที่จะเล่นการเมืองปูทางสู่อำนาจในอนาคตไม่เพียงท่านั้น เนื้อหาในเล่มยังเป็นเสมือนเข็มทิศที่ชี้ให้เห็นว่าคู่ปฏิปักษ์แท้จริงของระบอบทักษิณคือ "บุคคลที่ไม่ธรรมดา" เช่นเดียวกับประโยคทองของ พล.อ.อนุพงษ์ที่เคยกล่าวว่า "รู้ไหมพวกคุณกำลังสู้อยู่กับใคร ไม่มีวันชนะหรอก!!!"
ท่ามกลางภาวะทางการเมืองหลังน้ำลด รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มีโอกาสทำงานไม่ถึง ๑ ปี แต่กลับมีกระแสเกี่ยวกับการปฏิวัติครุกรุ่นขึ้นทุกวัน จึงเป็นหน้าที่ของ “วาสนา นาน่วม” นักข่าวสายทหารมืออาชีพ ด้วยการสืบค้นข้อมูลจากทั้งทหารสายเหยี่ยว ทหารสายพิราบ ทหารสายอำมาตย์ และทหารแตงโม รวมอยู่ในหนังสือ “ลับ ลวง พราง ๕” เพื่อปลุกให้คนไทย “รู้ทัน” ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น หนังสือเล่มนี้ อธิบายพฤติกรรมของ “คนมีสี” ที่ซ่อนอยู่ในกองทัพ ซึ่งนับจากอดีต “กองทัพ” ล้วนมีบทบาททางการเมืองชัดเจน แม้ผิวเผินอาจมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรม หากแต่กลยุทธ์ของ “บุคคลสีเขียว” ก็ได้ใช้วิธีการ “ลับ ลวง พราง” เพื่